จังหวัดกระบี่ ร่วมกับกองทัพเรือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และมูลนิธิเอ็นไลฟ์ ทำพิธีกล่าวสุดีอำลาเรือรบหลวงปลดประจำการ จำนวน 4 ลำ ก่อนปล่อยลงสู่ท้องทะเลบริเวณเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนาง จ.กระบี่ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ใต้ทะเล และแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ
วันที่ 20 เมษายน 2556 ที่บริเวณเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ พลเรือตรีนฤดม ชวนะเสน รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่3 นายไพฑูล แผนชัยภูมิ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายพระนาย สุวรรณรัฐ ประธานกรรมการมูลนิธิเอ็นไลฟ์ นายจีระศักดิ์ ชูความดี ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมในพิธีวางพวงมาลาและกล่าวสดุดีอำลาเรือโกลำ เรือราวี เรือตะลิบง เรือรบหลวงปลดประจำการ ก่อนนำเรือทั้ง3 ลำลงสู่ใต้ท้องทะเล บริเวณเกาะยาวาซำ ลึกประมาณ 20 เมตร เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ ตามโครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล แหล่งท่องเที่ยวดำน้ำในจังหวัดกระบี่ ส่วนเรือปลดประจำการอีกลำหนึ่ง คือเรือเกล็ดแก้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการมอบเรือ ซึ่งจะนำไปวางไว้ที่บริเวณเกาะพีพีเลต่อไป
โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการปล่อยเรือโกลำลงสู่ใต้ท้องทะเลเป็นลำแรก ส่วนเรือราวี เรือราวี และเรือตะลิบง จะทยอยปล่อยลงสู่ท้องทะเล ในวันถัดไป เนื่องจากมีความขัดข้องทางเทคนิค ขณะที่ผู้สื่อข่าวที่รอถ่ายภาพนาทีเรือจมต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง เนื่องจากขณะจมเรือโกลำคณะทั้งหมดยังอยู่บนเรือหลวงปัตตานี หลังทำพิธีกล่าวอำลาสดุดีเสร็จ เรือหลวงปัตตานีได้วิ่งออกห่างจากบริเวณที่จมเรือ ระยะทางกว่า3 กิโลเมตร เพื่อไปรอรับฮ.ลำเลียง ที่กำลังบินมาจอดบนเรือหลวงปัตตานี เพื่อมารับคณะรองผบ.ทัพเรือภาค3เดินทางกลับ จึงทำให้ไม่สามารถบันทึกภาพได้
สำหรับเรือรบหลวงปลดประจำการที่นำมาปล่อยลงสู่ท้องทะเล จังหวัดกระบี่ ตามโครงอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล มีทั้งหมด4 ลำ ประกอบด้วย เรือโกลำ เรือราวี เรือตะลิบง และเรือเกล็ดแก้ว ได้รับการสนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่าย ค่าทำความสะอาด ค่าลากจูงเรือและจัดวาง จากนายชวน ภูเก้าล้วน ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ จำนวน 10 ล้านบาท โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล แหล่งอาศัยเพาะพันธุ์อนุบาลสัตว์น้ำ และแหล่งท่องเที่ยว ในอนาคต คาดว่าจะมีผู้เข้าเยี่ยมชมไม่น้อยกงว่า10,000 คนต่อปี ทำรายได้ไม่น้อยกว่า50ล้านบาท
|