ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเพาะเห็ดฟางขายรายได้ดี เป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้กับครอบครัวนายสัมพันธ์ น่าเยี่ยม ตกเดือนละ ไม่ต่ำ 30,000- 50,000 บาท ส่งขายให้กับแม้ค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองกระบี่และร้านอาหาร พร้อมรับบทบาทวิทยากรถ่ายทอดความรู้สู่ชาวบ้านตอบแทนสังคม
จากชีวิตที่เคยทำการเกษตรมาโดยตลอดเวลา โดยยึดอาชีพการทำสวนยางพารา ซึ่งมีอยู่จำนวน 50 ไร่เศษ ซึ่งทำรายได้ให้กับครอบครัวของนายสัมพันธ์ น่าเยี่ยม เป็นกอบเป็นกำเนื่องจากราคายางพาราอยู่ในช่วงที่มีราคาสูง ถึงแม้ในบางครั้งจะมีการปรับเปลี่ยนราคาบ้างก็ไม่มีผลกระทบกับครอบครัวแต่อย่างใด แต่สิ่งหนึ่งที่นายสัมพันธ์คิดอยู่ตลอดเวลาคือการหารายได้เพิ่มเติมเข้าครอบครัว โดยที่คนในครับครอบสี่ชีวิตสามารถที่ช่วยเหลือกันได้ การเพาะเห็ดฟางเป็นสิ่งที่ครอบครัวของนายสัมพันธ์ ให้ความสนใจที่ทำเป็นอาชีพเสริม ความจริงแล้วการเพาะเห็ดฟางของครอบครัวนายสัมพันธ์ น่าเยี่ยม นั้นได้เพาะเห็ดฟางเพื่อใช้บริโภคภายในบ้าน ไม่ได้ส่งขายแต่อย่างใด โดยเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2523 แต่เริ่มมาทำอย่างจริงจังและมีการส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดมหาราชเทศบาลเมืองกระบี่ รวมทั้งการส่งขายตามร้านอาหารในปี 2535 เริ่มมีการก่อสร้างโรงเรือนเพาะเห็ดฟาง เตาอบสำหรับอบก้อนเพาะเชื้อ โรงเก็บวัตถุดิบบนพื้นที่บริเวณบ้านเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ ใช้เงินลงทุนจากกระเป๋าตัวเองทั้งหมด โดยไม่ต้องพึ่งพาภาครัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่อย่างใด เพราะมันไม่ใช่การพึ่งตนเองเหมือนที่ครอบครัวของนายสัมพันธ์ตั้งใจเอาไว้ การเพาะเห็ดฟางของนายสัมพันธ์ ใช้วัสดุในท้องถิ่นเป็นหลักเช่นขี้เลื้อย จากโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราจาก ซึ่งซื้อมาตันละ 800 บาท มาผสมส่วนประกอบต่างๆที่เป็นสูตรเฉพาะของนายสัมพันธ์ ได้แก่ ขี้เลื้อย 300 กิโลกรัม, รำ 15 กิโลกรัม, ปูนขาว 3 กิโลกรัม ,ดีเกลือ 06 ขีด,ยิปซัม 1.5 กิโลกรัม ,ซีโกร 300 ซีซี คลุกเคล้าให้เข้ากัน รสน้ำให้เกาะตัวพอประมาณห้ามเปียก บรรจุใส่ถุงที่เรียกว่าก้อนเพาะเชื้อ น้ำหนัก 89 ขีด ขนาดกว้างของก้อนเพาะเชื้อ 6x10 นำก้อนเพราะเชื้อใส่ตู้อบ ใช้อุณหภูมิ 90 องศาเชลเชียส ใช้เวลาในการอบประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อทำการฆ่าเชื้อ เมื่อครบ 4 ชั่วโมงแล้วนำออกมาจากตู้อบทิ้งไว้ให้อุณหภูมิลดลง แล้วหยดหัวเชื้อเห็ดฟาง แล้วนำก้อนเพาะเชื้อไปตั้งบนชั้นภายในโรงเรือนเพาะเห็ดฟาง ทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือนก็สามารถเก็บผลผลิตออกขายได้ มีทั้งนางฟ้าครีม,อังการี,และนางฟ้าภูฐาดำ ในราคาขายส่ง กิโลกรัมละ 50 บาท ให้กับพ่อค้าแม้ค้าในตลาดสดมหาราชเทศบาลเมืองกระบี่ และร้านอาหารในตัวเมืองกระบี่ โดยสามารถเก็บเห็ดฟางขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 200-300 กิโลกรัม ทำให้มีรายได้เสริมจากการเพราะเห็ดฟางวันละ 10,000 15,000 บาท
นอกจากนั้นครอบครัวนายสัมพันธ์ ยังทำการผลิตก้อนเพาะเชื้อขายในราคาก้อนละ 10 บาทให้กับชาวบ้านผู้ที่สนใจในพื้นที่ใกล้เคียงนำไปเพาะเห็ดฟางขายเป็นอาชีพเสริมเลี้ยงครอบครัว ปัจจุบันครอบครัวนายสัมพันธ์ น่าเยี่ยมมีรายได้เสริมจาการเพราะเห็ดฟางขายรวมกับขายก้อนเพาะเชื้อเดือนละไม่ต่ำกว่า 30,000- 50,000 บาท
นายสัมพันธ์ น่าเยี่ยม อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 ม.3 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ เล่าว่า คนเราเมื่อเกิดมาแล้วมีครอบครัวต้องเลี้ยงดูครอบครัวเป็นสัจจะธรรมของมนุษย์ การทำมาหากินการพึ่งตัวเองเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่ายุคสมัยใดก็ตาม ผมเป็นคนที่ไม่เคยดูถูกชีวิตหรืออาชีพที่เราทำอยู่ในปัจจุบัน การกรีดยางพาราเป็นอาชีพที่สุจริต ถึงแม้จะไม่มีหน้ามีตาในสังคมก็ตาม ผมมีรายได้จากการกรีดยางพาราเป็นหลักอยู่แล้ว ถึงผมจะไม่ทำอะไรครอบครัวของผมก็อยู่ได้โดยไม่ลำบาก
แต่การที่เรามองหารายได้เสริมให้กับครอบครัวเป็นเรื่องที่ผมมองแล้ว เป็นสิ่งที่มีคุณค่าในฐานะที่เกิดเกิดมาเป็นมนุษย์ที่จะต้องพัฒนาตนเองพัฒนาครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การเพาะเห็ดฟางเป็นอาชีพเสริมที่ผลเลือกและก็ทำรายได้ให้กับครอบครัวของผมได้อย่างคุ้มค่า ปัจจุบันผมมีรายได้จาการกับการเก็บเห็ดฟางขายทุกวัน ผมมีรายได้ตกวันละไม่ตำกว่า 10,000 บาท ผมมีความสุขครับที่ครอบครัวผมมีรายได้เพิ่มขึ้น จากการพึงตนเอง
นายสัมพันธ์ เล่าให้ฝังอีกว่า ปัจจุบันผมได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ไสไทย ทำให้ผมมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ผมจึงนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการเพาะเห็ดฟางมาอบรมรมให้กับชาวบ้านที่สนใจ เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้ มีรายได้เพิ่มขึ้น หรือไม่ก็เพื่อไว้บริโภคในครอบครัว ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจที่ความรู้และประสบการของผมสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ สังคมปัจจุบันคือการให้ ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ให้เพื่อทำเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คือการให้ที่ถูกต้อง นายสัมพันธ์ น่าเยี่ยมกล่าวทิ้งท้าย
|