|
นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากกรณีที่ยางพารามีราคาลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น ส่งผลทำให้เกษตรกรจังหวัดกระบี่ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ล่าสุดราคาอยู่ที่ 58-60 บาทต่อกิโลกรัม แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลงมาแล้วก็ตาม แต่ต้นทุนของเกษตรกรก็ยังสูงอยู่ อย่างเช่น ปุ๋ย ยาฆ่าหญ้า น้ำกรด ถ้วยยาง เป็นต้น ซึ่งได้ขึ้นราคาไปแล้ว 80-120 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ราคาน้ำมันได้รับลดลงมาจากบาเรลละ 145 ดอลลาร์ เหลือ 68 ดอลลาร์ ซึ่งต้นทุนการผลิตก็จะต้องลดลงด้วย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแล
นายบุญส่งกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทางสมาคมชาวสวนยางพาราได้มีการหารือร่วมกับทาง จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาให้เกษตรกร โดยมีมาตรการหลายอย่างทั้งระยะสั้นและระยะยาว อย่างเช่น รณรงค์ ให้เกษตรกรชะลอการกรีดยางพารา โดยเฉพาะเกษตรกรรายใหญ่ที่มีกำลังความสามารถควรชะลอการขายไว้ก่อน เพราะหากยางขาดตลาด ราคาก็ต้องปรับขึ้นมาอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้สต๊อกของโรงงานในภาคอุตสาหกรรมหมดแล้ว จะต้องเร่งซื้อย่างเข้าต่อไปเนื่องจากโรงงานหยุดไม่ได้
นอกจากนั้นจะต้องรณรงค์ให้มีการโค่นยางที่เสื่อมสภาพ เพราะที่ผ่านมาเกษตรกรไม่ได้โค่นยางที่เสื่อมสภาพเพราะราคายางยังดีอยู่ ทั้งนี้จะต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับเกษตร ส่วนมาตรการระยะยาวนั้น ที่ผ่านมาทางสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยได้นำเสนอรัฐบาลเพื่อเข้ามาดำเนินการช่วยเหลือในเชิงนโยบาย อย่างเช่น ในเรื่องของการควบคุมราคายาง เพิ่มโซนการกรีดยาง การเพิ่มการใช้ยางในประเทศ ซึ่งได้นำเสนอมาตรการดังกล่าวไปยังกระทรวงเกษตรให้พิจารณาดำเนินการแก้ไขแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าในอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้าราคายางต้องกระเตื้องขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเหลือเวลาอีกประมาณ 3 เดือน จะหมดฤดูกรีดยางพารา ทำให้ไม่มียางป้อนออกสู่ท้องตลาด ซึ่งในตอนนั้น เกษตรกรที่สต๊อกยางพาราเอาไว้ก็จะสามารถนำออกขายได้ราคาสูงอย่างแน่นอน นายบุญส่งกล่าว
|
หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่ 12 พ.ย. 51 1:08:05 PM
|