อบต.คลองท่อมเหนือ ร่วมกับอำเภอคลองท่อมสำรวจพื้นที่ป่าบริเวณน้ำตกร้อน หลังถูกบุกรุกเนื้อที่กว่า500ไร่
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 11 มิถุนายน 2551 นายอนุวัตร วีรพงศ์วัฒนกุล ปลัดป้องกันอำเภอคลองท่อม พ.ต.อ.อานนท์ พูลธนพงศ์ ผกก.สภ.คลองท่อม นายมงคล ชนะกุล นายกอบต.คลอง ท่อมใต้ นายสาคร มีแก้ว กำนันตำบลคลองท่อมเหนือ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม และเจ้าหน้าที่ฐานปฏิบัติการเขานอจู้จี้ จำนวนกว่า 20 นาย ได้เดินทางไปสำรวจป่า ในพื้นที่ป่าสาธารณะประโยชน์ทุ่งหนองพลอง ซึ่งอยู่ติดกับน้ำตกร้อน หมู่ที่ 4 ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ ว่ามีการบุกรุกพื้นที่ ป่าบริเวณ ดังกล่าว เพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา จำนวนหลายสิบไร่ เจ้าหน้าที่เริ่มเดินทางจาก บริเวณน้ำตกร้อน เดินเท้าลัดเลาะป่าริมคลองสะพานยูง ขึ้นไปเนินเขาเป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร ระหว่างทางพบมีต้นไม้ขนาดใหญ่ อายุ ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ถูกโค่นล้มลงมาจำนวนนับ 10 ต้น บางจุดกก็มีการปรับพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา รวมจำนวน 13 แปลง รวม เนื้อที่กว่า 500 ไร่ ซึ่งมีบางบางมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว ก็มี แต่ไม่สามารถมองเห็นจากด้านนอกได้ เนื่องจากมีการเข้าไปบุกรุกแผ้วทางด้านใน ส่วนด้านนอกปล่อย ให้เป็นป่าธรรมชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเดินสำรวจอยู่นานกว่า 3 ชั่วโมง
นายมงคล ชนะกุล นายก อบต.คลองท่อมเหนือ กล่าวว่า จากการที่ได้เดินทางขึ้นไปสำรวจ พบต้นไม้ ขนาดใหญ่ ถูกโค่นล้มไปจำนวนมาก อาทิ ไม้ยาง ไม้ยาง ไม้พยอม รวมพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกใหม่ๆ อีก เกือบ 10 ไร่ บางแปลงก็มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งในการสำรวจไม่พบัวผู้บุกรุกแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนี้จะต้องให้เจ้าหน้าที่ สปก.ลงมาสำรวจ แนวเขตให้ชัดเจน เพื่อจะได้ดำเนินการกั้นแนวเขตพื้นที่สาธารณะเอาไว้ และทำการตรวจสอบรายชื่อผู้บุกรุกป่าในบริเวณดังกล่าว โดยให้ทางอำเภอ ฝ่ายปกครอง รวมกำนันผู้ใหญ่บ้าน แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่บุกรุก เพื่อยึดผืนป่าแห่งนี้คืนมาเป็นของส่วนรวม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อแหล่งต้นน้ำลำธารในอนาคต
สำหรับพื้นที่ป่าบริเวณดังกล่าวเป็นป่าต้นน้ำอยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย ได้มีการประกาศเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ เมื่อปีพ.ศ. 2515 มีเนื้อที่รวม 2,067 ไร่ ซึ่งอยู่ติดกับน้ำตกร้อน แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาปีละไม่ต่ำกว่า 60,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นปีละไม่ต่ำกว่า 4.6 ล้านบาท
|
