เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 7 พฤษภาคม 2551 ที่บริเวณสนามศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้เป็นประธานในพิธี วางศิลาฤกษ์อาคารศาลากลางจังหวัดกระบี่ หลังใหม่ มูลค่า 113,800,000 บาท โดยมีส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ตลอดจนประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ ร่วมในพิธี จำนวน กว่า 1,000 คน
สำหรับศาลากลางจังหวัดกระบี่ ในปัจจุบัน ได้ใช้ในราชการมานานกว่า 40 ปี จากความเจริญของบ้านเมืองและภารกิจที่กว้างขวาง ทำให้สถานที่ดั่งกล่าวมีความคับแคบและชำรุดไปตามสภาพ รัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทย ได้อนุมัติให้จังหวัดกระบี่ ก่อสร้างศาลากลางหลังใหม่ ตามแบบแปลนของกรมโยธิการและผังเมือง เป็นอาคารสูง5ชั้นขนาดความกว้าง28 เมตร ยาว72เมตร ในวงเงิน140ล้านบาท ซึ่งจังหวัดกระบี่คณะกรรมการศูนย์ราชการประจำจังหวัดหัวหน้าส่วนราชการและนายอำเภอมีมติว่าสถานที่ดังกล่าวมีความสมในการตั้งศาลากลางจังหวัดใหม่และดำเนินการจัดจ้างทางราชการปรากฏว่าสามารถจัดจ้างได้ในวงเงิน113.800,000บาทโดยทำสัญญาว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด วีรเสถียร เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างใช้เวลาในการดำเนินการจำนวน585วัน นับตั้งแต่วันที่26กุมภาพันธ์2551นี้เป็นต้นไป
นายชัยเลิศ ภิญโญรัตนโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของศาลากลางจังหวัดกระบี่ ว่า เมื่อปีพุทธศักราช 2415 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตโกสินทร์ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ยกฐานะแขวงปกาไสย ขึ้นเป็นเมืองและพระราชทานนามว่า เมืองกระบี่ โดยมีศาลากลางจังหวัด ตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านตลาดเก่า ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ ครั้นปี พุ?ศักราช 2443 ได้ย้ายมาตั้ง ณ ที่ตั้ง ศาลากลางในปัจจุบัน โดยพระยารัชฎานุประดิษฐ์ ( คอซิมบี้ ณ ระนอง) สมุหเทศาภิบาล ประสงค์ที่จะให้ศาลากลางจังหวัด อยู่ใกล้ท่าเรือต่างประเทศ เพื่อความสะดวก ในการค้าขาย และเมื่อศาลากลางจังหวัดดังกล่าว ชำรุด ทรุดโทรมจึงได้ทำการก่อสร้าง ณ บริเวณ ริ่มฝั่งแม่น้ำกระบี่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง กระบี่ ซึ่งอยู่บริเวณตรงข้ามกับที่ตั้งในปัจจุบัน ไปทางทิศตะวันตก
และเมื่อครั้งนายพุก ฤกษ์เกษม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้พิจารณาร่วมกับคณะกรมจังหวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงานผังเมือง เห็นว่าสถานที่ตั้งศาลากลางจังหวัดเดิม เมื่อปีพุทธศักราช 2443 ซึ่งเป็นที่ตั้งในปัจจุบัน เป็นสถานที่มีความสง่างาม และมีความเหมาะสม จึงได้ย้ายมาตั้งศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ เพื่อพุทธศักราช 2510 ดังที่ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกวันนี้
|
